วันเสาร์
- ไปถ่ายสารคดีเกี่ยวกับม้า เหนื่อยย ToT
วันอาทิตย์
- ไปเรียนชดเชย ไม่ได้พักเลยย
วันจันทร์
- ตื่นสายเลยจ้าาา 555
วันอังคาร
- เรียน เรียน เรียน
วันพุธ
- หลับในคาบคณิตศาสตร์ การบ้านไม่ได้ส่ง :(
วันพฤหัสบดี
- สอบวิทย์ ไม่ได้อ่านหนังสือ
วันศุกร์
- จะกลับบ้าน ฝนตกหนักมากก!!!
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555
กิจวัตรประจำวัน อาทิตย์แรก :)
วันเสาร์
- ปั่นการบ้านๆๆๆ
วันอาทิตย์
- นั่งๆนอนๆ ทำการบ้าน
วันจันทร์
- ตื่นสายย เพราะทำการบ้านดึก
วันอังคาร
- ไม่ได้ส่งงาน เพราะลืมเอามา
วันพุธ
- วันนี้หยุดด!! สบายย :)
วันพฤหัสบดี
- วันนี้ก็หยุด 555 นอนน
วันศุกร์
- กินๆ นอนๆ เล่นๆ 555
- ปั่นการบ้านๆๆๆ
วันอาทิตย์
- นั่งๆนอนๆ ทำการบ้าน
วันจันทร์
- ตื่นสายย เพราะทำการบ้านดึก
วันอังคาร
- ไม่ได้ส่งงาน เพราะลืมเอามา
วันพุธ
- วันนี้หยุดด!! สบายย :)
วันพฤหัสบดี
- วันนี้ก็หยุด 555 นอนน
วันศุกร์
- กินๆ นอนๆ เล่นๆ 555
อาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับ วัยรุ่น
อาหารสำหรับวัยรุ่นวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการพลังงานจากอาหารมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นวัยที่ร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งส่วนใหญ่มีผลมาจากฮอร์โมน เด็กผู้ชายจะมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น ในเด็กผู้หญิงก็เป็นช่วงวัยที่เริ่มมีประจำเดือนหรือมีสิวเกิดขึ้น ดังนั้นในวัยนี้นอกจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างถูกต้องแล้ว ยังอาจต้องดูแลอาหารบางอย่างเป็นพิเศษ เพื่อช่วยส่งเสริมหรือแก้ปัญหาสภาวะที่เปลี่ยนไปของร่างกาย
เมนูสู่ผิวใสสำหรับวัยรุ่นที่เป็นสิว
วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สามารถช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุลขึ้นได้วิตามินเอ เป็นวิตามินที่มีความสำคัญกับผิวพรรณมาก และยังช่วยลดการผลิตน้ำมันหรือซีบัมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย
วิตามินเอมีมากในแคร์รอต ฟักทอง มะละกอ ตำลึง มะม่วงสุก กล้วย มันเทศวิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่ช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุล และยังช่วยควบคุมการเกิดสิว รวมทั้งอาการเจ็บหน้าอกหรือหงุดหงิดก่อนมีประจำเดือนอีกด้วย วิตามินบี 6 พบมากในข้าวซ้อมมือ เนื้อ ตับ ไต อะโวกาโด เมล็ดทานตะวัน ปลาแซลมอล เป็นต้นอาหารที่มีธาตุสังกะสี จะช่วยลดการเกิดสิว และทำให้การดูดซึมวิตามินเอจากอาหารเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ผิวพรรณจึงดูเนียมเรียบขึ้น ธาตุสังกะสีพบมากในข้าวซ้อมมือ อาหารที่มีส่วนประกอบของยีสต์ เช่น ขนมปัง ข้าวหมาก อาหารทะเล เนื้อสัตว์อาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา 3 กรดไขมันชนิดนี้จะทำให้ต่อมไขมันบนใบหน้าผลิตน้ำมันได้น้อยลง จึงลดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว โอเมกา – 3 พบมากในปลาทูน่า เซลมอน แมคเคอเรล ปลาทู เป็นต้นกินอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น เช่น ผักผลไม้สดทุกชนิด
จานเด็ดสำหรับวันนั้นของเดือน
วัยรุ่นหญิงที่เริ่มมีประจำเดือนควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็กเพื่อชดเชยการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือน เนื่องจากในวัยรุ่นประจำเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอ บางเดือนอาจจะมาน้อยบางเดือนก็มามาก จากการวิจัยพบว่าผู้หญิงและผู้ชายมีความต้องการธาตุแหล็กไม่เท่ากัน เด็กผู้หญิงในวัยเริ่มต้นมีประจำเดือนไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน จะต้องการธาตุเหล็กมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า ถ้าเราได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ง่าย
อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ ตับ ไต เลือดหมู เนื้อสัตว์ ปลาซาร์ดีน ผักโขม ซี่โครงหมู เต้าเจี้ยวดำ บวบเหลี่ยม เป็นต้น และการช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ประโยชน์ได้ดี ควรกินพร้อมอาหารที่มีวิตามินซี เช่น น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ที่จะช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี เช่น น้ำมะนาว รองลงมา ได้แก่ น้ำส้ม น้ำฝรั่ง และที่ช่วยดูดซึมได้ปานกลาง เช่น น้ำสับปะรด น้ำสตรอว์เบอร์รี
วัยรุ่นทุกคนเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ธาตุอาหารที่สำคัญอย่างแคลเซียมจึงขาดไม่ได้ วัยรุ่นสามารถดื่มนมได้วันละ 2 – 3 แก้ว หรืออาจจะกินโยเกิร์ตได้อีกวันละ 1 ถ้วย เพื่อให้ได้รับแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูกและฟันอย่างเพียงพอ อาหารอื่น ๆ ที่อุดมด้วยแคลเซียม เช่น ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ปลากระป๋อง กุ้งแห้ง กะปิ เป็นต้น
ผักใบเขียวที่มีแคลเซียมสูง เช่น มะขามฝักสด ยอดแค ยอดสะเดา และคะน้า ทั้งแคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้กระดูดแข็งแรงและเจริญดีโดยปกติแล้วอาหารที่มีแคลเซียม ก็จะมีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย
อาหารของวัยรุ่นนักกีฬา
สำหรับวัยรุ่นนักกีฬานั้นอาจต้องการอาหารเสริมเพิ่มจากปกติเป็นพิเศษ อาหารที่มีสารอาหารต่อไปนี้จะช่วยให้ร่างกายมีพละกำลังและความแข็งแกร่งมากขึ้นอาหารที่มีวิตามินบี 1 เช่น ข้าวโอ๊ต ตับ ไต เนื้อวัว หมู ไก่ ปลา ถั่วต่าง ๆ รำข้าว อาหารที่มีวิตามินบี 1 จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เช่น แขน ขา ทำงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยในระบบการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงานอีกด้วยอาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ตับไก่ ถั่วเหลือง เห็ดฟาง ฟักทอง เนื้อวัว นมสด ไข่ไก่ วิตามินบี 2 จะช่วยในกระบวนการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นพลังงานอาหารที่มีวิตามินบี 5 ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารพบว่านักกีฬาหรือผู้ออกกำลังกายมาก ควรได้รับอาหารที่มีวิตามินบี 5 มากเป็นพิเศษ เพราะวิตามินบี 5 จะทำให้ร่างกายให้ออกซิเจนน้อยลง และยังช่วยให้สมรรถภาพร่างกายดีขึ้นอีกด้วย
อาหารที่มีวิตามินบี 5 เช่น ถั่งลิสง เมล็ดงา วอลนัต อะโวกาโด แอพริคอตแห้ง แอปเปิล เป็นต้น
อาหารที่มีวิตามินซี จะช่วยให้กล้ามเนื้อหดและคลายตัวได้ดีขึ้น
วัยรุ่นนักกีฬาทั้งหลาย จึงควรกินผักผลไม้สดให้มาก เพราะอุดมด้วยเกลือแร่ และวิตามินอาหารที่มีแคลเซียม จะช่วยลดการเกิดตะคริว และทำให้กระดูกแข็งแรง
อาหารที่มีแคลเซียมมาก เช่น นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม โยเกิร์ต งา ปลาซาร์ดีน ถั่วฝักเขียว เต้าหู้อาหารที่มีแมกนีเซียม จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นดี ไม่อ่อนล้าหรือเป็นตะคริวได้ง่าย
อาหารที่มีแมกนีเซียมาก เช่น ผงโกโก้ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน เนยถั่วอาหารที่มีธาตุสังกะสี จะช่วยให้มีสมาธิและกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
อาหารที่มีธาตุสังกะสี เช่น หอยนางรม ตับลูกวัว เมล็ดฟักทอง เนื้อซี่โครงหมู ปลาซาร์ดีนในน้ำมัน
อาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ธาตุอาหารทั้งสองชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ดี ทำให้ไม่เป็นโลหิตจาง นักกีฬาผู้หญิงต้องใส่ใจกับอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ให้มาก
อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า เนื้อปู
ส่วนอาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ตับ ไข่ไก่ เป็ด เนื้อวัว เนื้อหมูอาหารที่มีโพแทสเซียม จะช่วยป้องกันการเกิดตะคริว อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ปวยเล้ง แรดิช พาร์สนิป วอเตอร์เครส เสาวรส มะละกอ พริกหวานแดง พีช มันฝรั่งบด
อาหารสมองสำหรับวัยรุ่นเรียนหนัก
วัยรุ่นที่เรียนหนักควรได้รับอาหารที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพความจำและการมีสมาธิมากขึ้น อาหารเหล่านั้น ได้แก่
อาหารที่มีวิตามินบี 1 เช่น ไข่แดง มันฝรั่งต้ม ถั่นลันเตา ข้าวซ้อมมือ
อาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว เป็ดอาหารที่มีกรดโฟลิก เช่น ถั่วลิสง บรอกโคลี กระหล่ำดอก ผักกาดหอม ผักปวยเล้งอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับไก่ ตับหมู เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
อาหารที่มีธาตุไอโอดีน เช่น อาหารทะเลอาหารที่มีธาตุแมงกานีส เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ มะคาเดเมีย เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อาหารที่มีธาตุซิลิคอน เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ธัญพืชไม่ขัดขาว พืชกินหัวต่าง ๆ
อาหารที่มีธาตุสังกะสีและซีลีเนียม เช่น กระเทียม หอยนางรม หอยแมลงภู่อาหารที่มีเบตาแคโรทีน เช่น แครอท ผักโขม มะม่วงสุก กล้วยไข่ บรอกโคลี
อาหารที่มีโคเอนไซม์คิว 10 เช่น ถั่วเหลือง มันฝรั่ง และผักโขม อาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา–3 เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน
เมนูสู่ผิวใสสำหรับวัยรุ่นที่เป็นสิว
วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สามารถช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุลขึ้นได้วิตามินเอ เป็นวิตามินที่มีความสำคัญกับผิวพรรณมาก และยังช่วยลดการผลิตน้ำมันหรือซีบัมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย
วิตามินเอมีมากในแคร์รอต ฟักทอง มะละกอ ตำลึง มะม่วงสุก กล้วย มันเทศวิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่ช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุล และยังช่วยควบคุมการเกิดสิว รวมทั้งอาการเจ็บหน้าอกหรือหงุดหงิดก่อนมีประจำเดือนอีกด้วย วิตามินบี 6 พบมากในข้าวซ้อมมือ เนื้อ ตับ ไต อะโวกาโด เมล็ดทานตะวัน ปลาแซลมอล เป็นต้นอาหารที่มีธาตุสังกะสี จะช่วยลดการเกิดสิว และทำให้การดูดซึมวิตามินเอจากอาหารเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ผิวพรรณจึงดูเนียมเรียบขึ้น ธาตุสังกะสีพบมากในข้าวซ้อมมือ อาหารที่มีส่วนประกอบของยีสต์ เช่น ขนมปัง ข้าวหมาก อาหารทะเล เนื้อสัตว์อาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา 3 กรดไขมันชนิดนี้จะทำให้ต่อมไขมันบนใบหน้าผลิตน้ำมันได้น้อยลง จึงลดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว โอเมกา – 3 พบมากในปลาทูน่า เซลมอน แมคเคอเรล ปลาทู เป็นต้นกินอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น เช่น ผักผลไม้สดทุกชนิด
จานเด็ดสำหรับวันนั้นของเดือน
วัยรุ่นหญิงที่เริ่มมีประจำเดือนควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็กเพื่อชดเชยการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือน เนื่องจากในวัยรุ่นประจำเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอ บางเดือนอาจจะมาน้อยบางเดือนก็มามาก จากการวิจัยพบว่าผู้หญิงและผู้ชายมีความต้องการธาตุแหล็กไม่เท่ากัน เด็กผู้หญิงในวัยเริ่มต้นมีประจำเดือนไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน จะต้องการธาตุเหล็กมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า ถ้าเราได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ง่าย
อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ ตับ ไต เลือดหมู เนื้อสัตว์ ปลาซาร์ดีน ผักโขม ซี่โครงหมู เต้าเจี้ยวดำ บวบเหลี่ยม เป็นต้น และการช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ประโยชน์ได้ดี ควรกินพร้อมอาหารที่มีวิตามินซี เช่น น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ที่จะช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี เช่น น้ำมะนาว รองลงมา ได้แก่ น้ำส้ม น้ำฝรั่ง และที่ช่วยดูดซึมได้ปานกลาง เช่น น้ำสับปะรด น้ำสตรอว์เบอร์รี
วัยรุ่นทุกคนเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ธาตุอาหารที่สำคัญอย่างแคลเซียมจึงขาดไม่ได้ วัยรุ่นสามารถดื่มนมได้วันละ 2 – 3 แก้ว หรืออาจจะกินโยเกิร์ตได้อีกวันละ 1 ถ้วย เพื่อให้ได้รับแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูกและฟันอย่างเพียงพอ อาหารอื่น ๆ ที่อุดมด้วยแคลเซียม เช่น ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ปลากระป๋อง กุ้งแห้ง กะปิ เป็นต้น
ผักใบเขียวที่มีแคลเซียมสูง เช่น มะขามฝักสด ยอดแค ยอดสะเดา และคะน้า ทั้งแคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้กระดูดแข็งแรงและเจริญดีโดยปกติแล้วอาหารที่มีแคลเซียม ก็จะมีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย
อาหารของวัยรุ่นนักกีฬา
สำหรับวัยรุ่นนักกีฬานั้นอาจต้องการอาหารเสริมเพิ่มจากปกติเป็นพิเศษ อาหารที่มีสารอาหารต่อไปนี้จะช่วยให้ร่างกายมีพละกำลังและความแข็งแกร่งมากขึ้นอาหารที่มีวิตามินบี 1 เช่น ข้าวโอ๊ต ตับ ไต เนื้อวัว หมู ไก่ ปลา ถั่วต่าง ๆ รำข้าว อาหารที่มีวิตามินบี 1 จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เช่น แขน ขา ทำงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยในระบบการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงานอีกด้วยอาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ตับไก่ ถั่วเหลือง เห็ดฟาง ฟักทอง เนื้อวัว นมสด ไข่ไก่ วิตามินบี 2 จะช่วยในกระบวนการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นพลังงานอาหารที่มีวิตามินบี 5 ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารพบว่านักกีฬาหรือผู้ออกกำลังกายมาก ควรได้รับอาหารที่มีวิตามินบี 5 มากเป็นพิเศษ เพราะวิตามินบี 5 จะทำให้ร่างกายให้ออกซิเจนน้อยลง และยังช่วยให้สมรรถภาพร่างกายดีขึ้นอีกด้วย
อาหารที่มีวิตามินบี 5 เช่น ถั่งลิสง เมล็ดงา วอลนัต อะโวกาโด แอพริคอตแห้ง แอปเปิล เป็นต้น
อาหารที่มีวิตามินซี จะช่วยให้กล้ามเนื้อหดและคลายตัวได้ดีขึ้น
วัยรุ่นนักกีฬาทั้งหลาย จึงควรกินผักผลไม้สดให้มาก เพราะอุดมด้วยเกลือแร่ และวิตามินอาหารที่มีแคลเซียม จะช่วยลดการเกิดตะคริว และทำให้กระดูกแข็งแรง
อาหารที่มีแคลเซียมมาก เช่น นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม โยเกิร์ต งา ปลาซาร์ดีน ถั่วฝักเขียว เต้าหู้อาหารที่มีแมกนีเซียม จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นดี ไม่อ่อนล้าหรือเป็นตะคริวได้ง่าย
อาหารที่มีแมกนีเซียมาก เช่น ผงโกโก้ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน เนยถั่วอาหารที่มีธาตุสังกะสี จะช่วยให้มีสมาธิและกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
อาหารที่มีธาตุสังกะสี เช่น หอยนางรม ตับลูกวัว เมล็ดฟักทอง เนื้อซี่โครงหมู ปลาซาร์ดีนในน้ำมัน
อาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ธาตุอาหารทั้งสองชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ดี ทำให้ไม่เป็นโลหิตจาง นักกีฬาผู้หญิงต้องใส่ใจกับอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ให้มาก
อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า เนื้อปู
ส่วนอาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ตับ ไข่ไก่ เป็ด เนื้อวัว เนื้อหมูอาหารที่มีโพแทสเซียม จะช่วยป้องกันการเกิดตะคริว อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ปวยเล้ง แรดิช พาร์สนิป วอเตอร์เครส เสาวรส มะละกอ พริกหวานแดง พีช มันฝรั่งบด
อาหารสมองสำหรับวัยรุ่นเรียนหนัก
วัยรุ่นที่เรียนหนักควรได้รับอาหารที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพความจำและการมีสมาธิมากขึ้น อาหารเหล่านั้น ได้แก่
อาหารที่มีวิตามินบี 1 เช่น ไข่แดง มันฝรั่งต้ม ถั่นลันเตา ข้าวซ้อมมือ
อาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว เป็ดอาหารที่มีกรดโฟลิก เช่น ถั่วลิสง บรอกโคลี กระหล่ำดอก ผักกาดหอม ผักปวยเล้งอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับไก่ ตับหมู เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
อาหารที่มีธาตุไอโอดีน เช่น อาหารทะเลอาหารที่มีธาตุแมงกานีส เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ มะคาเดเมีย เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อาหารที่มีธาตุซิลิคอน เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ธัญพืชไม่ขัดขาว พืชกินหัวต่าง ๆ
อาหารที่มีธาตุสังกะสีและซีลีเนียม เช่น กระเทียม หอยนางรม หอยแมลงภู่อาหารที่มีเบตาแคโรทีน เช่น แครอท ผักโขม มะม่วงสุก กล้วยไข่ บรอกโคลี
อาหารที่มีโคเอนไซม์คิว 10 เช่น ถั่วเหลือง มันฝรั่ง และผักโขม อาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา–3 เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน
10 อันดับผลไม้กินแล้วอ้วน
ทราบหรือไม่ว่าการกินผลไม้นอกจากมีประโยชน์แล้วยังสามารถทำให้อ้วนได้อีก วันนี้มีมาบอก...

การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะทำให้อ้วนได้
ผลไม้ที่กิน แล้วอ้วนสุด ๆ คือ กล้วยไข่
อันดับ 2 คือ กล้วยน้ำว้า
อันดับ 3 คือ ขนุน
อันดับ 4 คือ กล้วยหอม
อันดับ 5 คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
อันดับ 6 คือ ลำไยกะโหลกเขียว
อันดับ 7 คือ ลองกอง
อันดับ 8 คือ เงาะ
อันดับ 9 คือ ลางสาด
อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด
แต่ ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมาก ๆ ใครที่กินรับรองอ้วนแน่ ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม
8 ผลไม้เพื่อผิวขาว

8 ผลไม้เพื่อผิวขาว
1.มะเขือเทศ ช่วยชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ และป้องกันความเสื่อมของเซลล์
2.มะนาว มีวิตามินซีสูงช่วยให้ผิวเนียนใส
3.ส้ม เสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
4.ฝรั่ง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยวิตามินซีปริมาณสูง5.แตงโม บำรุงผิวพรรณ ช่วยล้างไต และขับปัสสาวะ
6.กล้วยหอม เหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอยู่ท้องนาน
7.มะละกอ เป็นยาระบายอ่อนๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก
8.แอปเปิ้ล อุดมด้วยเพคติน จึงช่วยให้เล็บแข็งแรง
1.มะเขือเทศ ช่วยชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ และป้องกันความเสื่อมของเซลล์
2.มะนาว มีวิตามินซีสูงช่วยให้ผิวเนียนใส
3.ส้ม เสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
4.ฝรั่ง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยวิตามินซีปริมาณสูง5.แตงโม บำรุงผิวพรรณ ช่วยล้างไต และขับปัสสาวะ
6.กล้วยหอม เหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอยู่ท้องนาน
7.มะละกอ เป็นยาระบายอ่อนๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก
8.แอปเปิ้ล อุดมด้วยเพคติน จึงช่วยให้เล็บแข็งแรง
น่ารู้! อาหารเพื่อผิวสวย ผิวขาว
ใครอยากมีผิวขาว ผิวสวย ผิวใส ฟังทางนี้เลยจ้า เพราะเรามีอาหารเพื่อผิวสวย ผิวขาว ผิวใส มาฝากกันด้วยจ้า อะไรจะดีไปกว่าอาหารที่มาจากแหล่งธรรมชาติล่ะจริงไหมจ๊ะ อาหารเพื่อผิวสวย เหล่านี้นอกจากจะมาจากธรรมชาติแล้วยังหาซื้อได้ง่ายและไม่ส่งผลอันตรายอย่างแน่นอนค่ะที่สำคัญยังช่วยเราเซฟตังในกระเป๋าอีกด้วยน๊า...อยากรู้กันบ้างไหมเอ่ยว่า อาหารเพื่อผิวสวย ผิวขาว ผิวใส นั้นมีอะไรกันบ้างน๊า...วันนี้เรามีเรื่อง อาหารเพื่อผิวสวย ผิวขาว ผิวใส มาฝากและไม่ใช่เพียงเท่านั้นเรายังมี อาหารทำลายผิว มาฝากกันอีกด้วยค่ะ
พ.ญ.กานต์ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก ให้ความรู้ถึงการรักษาผิวสวยของสาว ๆ ทุกวัย ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร โดยเน้นสารกลูต้าไธโอนเป็นพิเศษ เพราะสารตัวนี้เป็นโฮโมนชนิดหนึ่งที่ตับเป็นผู้สร้างมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนต์) เซลล์ไม่ถูกทำลายกลายเป็นเซลล์ที่แข็งแรงส่งผลให้เซลล์ใต้ผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วยทำให้เม็ดสีลดลงผิวจึงขาวขึ้น
แหล่งกลูต้าไธโอนมีอยู่ในสารสกัดจากธรรมชาติมากมายที่เด่น ๆ คือ เปลือกสนฝรั่งเศส หากเป็นเปลือกสนสีส้มอ่อนจะมีคุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้ขาวได้ เนื่องจากพืชตระกูลเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยเปิดเส้นเลือดหัวใจช่วยทำลายพลักหรือคราบไขมันที่เกาะในเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดไม่ยืดหยุ่นเกิดภาวะการอุดตันเส้นเลือดตีบลงทำให้ส่งผ่านเลือดไปสู่หัวใจได้น้อยลง
กลูต้าไธโอนในธรรมชาติมีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลในข้าวซ้อมมือของไทยเรานี่เอง กินข้าวซ้อมมือวันละ 3 มื้อ เราจะได้กลูต้าไธโอนธรรมชาติที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังพบในผัก ผลไม้ อาทิ แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ผลอะโวคาโด สำหรับเนื้อสัตว์พบในปลาและเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ
"You are what you eat" หรือ กินเช่นไรได้เช่นนั้น ยังคงเป็นประโยคที่หลาย ๆ คนเห็นด้วย หากรวมอาหารนี้ไว้ในมื้ออาหารที่เรารับประทานก็จะได้ผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบ

1. ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัย
2. มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ที่มีประโยชน์ ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
3. แครอท ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารที่จำเป็นสำหรับผิว
4. กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน
5. อะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว การกินอะโวคาโดวันละผล ให้วิตามินอีเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้
6. โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ
7. เมล็ดถั่วต่าง ๆ อุดมด้วยโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวสวย
8. งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนวัยอยู่เสมอ
9. ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพูดูมีสุขภาพดี และ 10.ปลาอุดมไขมัน เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น
พ.ญ.กานต์ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก ให้ความรู้ถึงการรักษาผิวสวยของสาว ๆ ทุกวัย ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร โดยเน้นสารกลูต้าไธโอนเป็นพิเศษ เพราะสารตัวนี้เป็นโฮโมนชนิดหนึ่งที่ตับเป็นผู้สร้างมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนต์) เซลล์ไม่ถูกทำลายกลายเป็นเซลล์ที่แข็งแรงส่งผลให้เซลล์ใต้ผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วยทำให้เม็ดสีลดลงผิวจึงขาวขึ้น
แหล่งกลูต้าไธโอนมีอยู่ในสารสกัดจากธรรมชาติมากมายที่เด่น ๆ คือ เปลือกสนฝรั่งเศส หากเป็นเปลือกสนสีส้มอ่อนจะมีคุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้ขาวได้ เนื่องจากพืชตระกูลเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยเปิดเส้นเลือดหัวใจช่วยทำลายพลักหรือคราบไขมันที่เกาะในเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดไม่ยืดหยุ่นเกิดภาวะการอุดตันเส้นเลือดตีบลงทำให้ส่งผ่านเลือดไปสู่หัวใจได้น้อยลง
กลูต้าไธโอนในธรรมชาติมีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลในข้าวซ้อมมือของไทยเรานี่เอง กินข้าวซ้อมมือวันละ 3 มื้อ เราจะได้กลูต้าไธโอนธรรมชาติที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังพบในผัก ผลไม้ อาทิ แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ผลอะโวคาโด สำหรับเนื้อสัตว์พบในปลาและเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ
"You are what you eat" หรือ กินเช่นไรได้เช่นนั้น ยังคงเป็นประโยคที่หลาย ๆ คนเห็นด้วย หากรวมอาหารนี้ไว้ในมื้ออาหารที่เรารับประทานก็จะได้ผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบ

9 อาหารเพื่อผิวสวย ผิวขาว
1. ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัย
2. มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ที่มีประโยชน์ ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
3. แครอท ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารที่จำเป็นสำหรับผิว
4. กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน
5. อะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว การกินอะโวคาโดวันละผล ให้วิตามินอีเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้
6. โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ
7. เมล็ดถั่วต่าง ๆ อุดมด้วยโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวสวย
8. งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนวัยอยู่เสมอ
9. ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพูดูมีสุขภาพดี และ 10.ปลาอุดมไขมัน เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น
8 ผลไม้ลดความอ้วน
8 ผลไม้ลดความอ้วน ที่สาว ๆ ต้องลิ้มลอง
คุณ สาว ๆ คนไหนที่ปรารถนาจะมีหุ่นเพรียวสวยได้สัดส่วน ก็มักจะเลือกทานผลไม้เป็นของว่าง หรือบางรายก็ทานผลไม้แทนอาหารหลักบางมื้อเลยทีเดียว เพื่อที่ตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักจะได้ลดลงสมใจ ว่า แต่...จะเลือกทานผลไม้อะไรดีล่ะ ถึงจะช่วยลดความอ้วนได้แบบสบาย ๆ แถมยังอิ่มท้อง วันนี้ เราก็มีผลไม้ 8 ชนิด ที่จะช่วยให้คุณสาว ๆ ลดความอ้วนได้ไม่ยากมาบอกกัน
แอปเปิ้ล
ผลไม้สีแดง ๆ เขียว ๆ นี้ สามารถช่วยคุณสาว ๆ ลดความอ้วนได้อย่างสบาย ๆ เลยล่ะ เพราะแอปเปิ้ลได้ชื่อว่าเป็นราชาของผลไม้ลดน้ำหนัก เนื่องจากแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์มากมาย เมื่อทานเข้าไปแล้ว จะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้องนาน เพราะน้ำตาลฟรักโทสในแอปเปิ้ลจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกหิว
นอกจากนั้นแล้ว แอปเปิ้ลยังให้พลังงานเพียงแค่ 59 แคลอรี จึงไม่ทำให้อ้วน แถมยังมีวิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย โดยเฉพาะ "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก มันจึงไปเพิ่มกากใยในอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ จึงช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยจับคอเลสตอรอล และช่วยกำจัดสารพิษในร่างกายได้ด้วย
ฝรั่ง
สุดยอดผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้ ช่วยให้คุณลดความอ้วนได้ไม่ยาก เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ แถมยังเคี้ยวเพลินอีกต่างหาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่อยากกินจุบกินจิบเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไร้ริ้วรอยอีกด้วย
เพราะฉะนั้น หิวครั้งหน้า ก็อย่าลืมคว้าฝรั่งมาทานแทนขนมกรุบกรอบนะคะ อ๊ะ...คำเตือนก็คือ ทานแต่ฝรั่งเปล่า ๆ เท่านั้นนะ อย่าเผลอจิ้มพริกเกลือ พริกน้ำตาล เด็ดขาด เพราะจะทำให้อ้วนได้นะเออ
แตงโม
แตงโมลูกโต ๆ รสหวาน ๆ ไม่ได้ทำให้คุณอ้วนแต่ประการใด เพราะแตงโม 1 ถ้วย ให้พลังงานเพียง 50 แคลอรีเท่านั้น แถมยังให้ไขมันน้อยนิด และยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำถึง 93% ของส่วนประกอบทั้งหมด ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวเลยว่า แตงโม จะทำให้คุณสาว ๆ อ้วนได้ ตรงกันข้าม หากรับประทานแตงโมแทนอาหารมื้อเย็นหนัก ๆ ก็ช่วยลดความอ้วนได้ด้วย แต่ควรทานอย่างพอดี ไม่มากไปนะจ๊ะ ไม่เช่นนั้นท้องไส้จะปั่นป่วนเอาได้ แถมยังต้องเข้าห้องน้ำปัสสาวะบ่อย ๆ ด้วย
สุดยอดผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้ ช่วยให้คุณลดความอ้วนได้ไม่ยาก เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ แถมยังเคี้ยวเพลินอีกต่างหาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่อยากกินจุบกินจิบเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไร้ริ้วรอยอีกด้วย
เพราะฉะนั้น หิวครั้งหน้า ก็อย่าลืมคว้าฝรั่งมาทานแทนขนมกรุบกรอบนะคะ อ๊ะ...คำเตือนก็คือ ทานแต่ฝรั่งเปล่า ๆ เท่านั้นนะ อย่าเผลอจิ้มพริกเกลือ พริกน้ำตาล เด็ดขาด เพราะจะทำให้อ้วนได้นะเออ
แตงโม
แตงโมลูกโต ๆ รสหวาน ๆ ไม่ได้ทำให้คุณอ้วนแต่ประการใด เพราะแตงโม 1 ถ้วย ให้พลังงานเพียง 50 แคลอรีเท่านั้น แถมยังให้ไขมันน้อยนิด และยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำถึง 93% ของส่วนประกอบทั้งหมด ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวเลยว่า แตงโม จะทำให้คุณสาว ๆ อ้วนได้ ตรงกันข้าม หากรับประทานแตงโมแทนอาหารมื้อเย็นหนัก ๆ ก็ช่วยลดความอ้วนได้ด้วย แต่ควรทานอย่างพอดี ไม่มากไปนะจ๊ะ ไม่เช่นนั้นท้องไส้จะปั่นป่วนเอาได้ แถมยังต้องเข้าห้องน้ำปัสสาวะบ่อย ๆ ด้วย
ส้ม
สาว ๆ หลายคนมักแกะกากส้มออกจนหมด เพื่อให้ทานได้ง่าย ๆ แต่รู้ไหมว่า คุณกำลังทิ้งของดีไปเสียแล้ว เพราะกากใยของส้มนั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้สาว ๆ ได้ โดยกากใยจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว และช่วยทำให้ระบายท้องได้ดี อย่างไรก็ตาม ส้ม เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับผลไม้ลดความอ้วนชนิดอื่น ๆ ดังนั้น ควรรับประทานแต่พอดีแล้วกันนะ
มะละกอ
มะละกอ เป็นผลไม้ที่ช่วยขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย แถมยังช่วยกำจัดไขมันต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ด้วย โดยมะละกอมีเอนไซน์ปาเปน ที่จะช่วยย่อยโปรตีน และย่อยอาหาร จึงช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางด้วย ส่วนใครที่อยากมีผิวพรรณสวย มะละกอ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสน เพราะมะละกอมีวิตามินซี และเบตาแคโรทีนสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้
แก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ช่วยให้คุณอิ่มท้องได้ง่าย ๆ ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น เพราะแก้วมังกรมีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็น หรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะความหวานจะไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง
และนอกจากลดน้ำหนักแล้ว ผลพลอยได้จากแก้วมังกรที่คุณสาว ๆ ไม่ควรพลาดอีกเช่นกันก็คือ แก้วมังกรเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้น จึงช่วยบำรุงผิวพรรณไปในตัว แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมดีต่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรด้วย
สาว ๆ หลายคนมักแกะกากส้มออกจนหมด เพื่อให้ทานได้ง่าย ๆ แต่รู้ไหมว่า คุณกำลังทิ้งของดีไปเสียแล้ว เพราะกากใยของส้มนั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้สาว ๆ ได้ โดยกากใยจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว และช่วยทำให้ระบายท้องได้ดี อย่างไรก็ตาม ส้ม เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับผลไม้ลดความอ้วนชนิดอื่น ๆ ดังนั้น ควรรับประทานแต่พอดีแล้วกันนะ
มะละกอ
มะละกอ เป็นผลไม้ที่ช่วยขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย แถมยังช่วยกำจัดไขมันต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ด้วย โดยมะละกอมีเอนไซน์ปาเปน ที่จะช่วยย่อยโปรตีน และย่อยอาหาร จึงช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางด้วย ส่วนใครที่อยากมีผิวพรรณสวย มะละกอ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสน เพราะมะละกอมีวิตามินซี และเบตาแคโรทีนสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้
แก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ช่วยให้คุณอิ่มท้องได้ง่าย ๆ ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น เพราะแก้วมังกรมีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็น หรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะความหวานจะไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง
และนอกจากลดน้ำหนักแล้ว ผลพลอยได้จากแก้วมังกรที่คุณสาว ๆ ไม่ควรพลาดอีกเช่นกันก็คือ แก้วมังกรเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้น จึงช่วยบำรุงผิวพรรณไปในตัว แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมดีต่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรด้วย
กีวี
อีกหนึ่งผลไม้ยอดนิยมของสาว ๆ ที่ปรารถนาจะลดน้ำหนักเลยล่ะ เพราะกีวีเป็นผลไม้ที่มีกากใยมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25% ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนาน แถมยังมีวิตามินซี และวิตามินอีสูง ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง และช่วยสลายไขมันในเลือดด้วย ใครที่ชอบทานกีวีจึงได้ประโยชน์จากกีวีแบบหลายเด้งเลย
เกรปฟรุต
สุดยอดผลไม้ไดเอตที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การกิน "เกรปฟรุต" ครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างเหลือเชื่อ โดยสามารถลดปริมาณแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรีต่อวันเชียวนะ แถมเกรปฟรุตครึ่งลูกก็มีแคลอรีเพียงแค่ 39 แคลอรีเท่านั้นเอง
อีกหนึ่งผลไม้ยอดนิยมของสาว ๆ ที่ปรารถนาจะลดน้ำหนักเลยล่ะ เพราะกีวีเป็นผลไม้ที่มีกากใยมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25% ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนาน แถมยังมีวิตามินซี และวิตามินอีสูง ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง และช่วยสลายไขมันในเลือดด้วย ใครที่ชอบทานกีวีจึงได้ประโยชน์จากกีวีแบบหลายเด้งเลย
เกรปฟรุต
สุดยอดผลไม้ไดเอตที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การกิน "เกรปฟรุต" ครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างเหลือเชื่อ โดยสามารถลดปริมาณแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรีต่อวันเชียวนะ แถมเกรปฟรุตครึ่งลูกก็มีแคลอรีเพียงแค่ 39 แคลอรีเท่านั้นเอง
อาหารสำเร็จรูป
จากวิธีการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อม รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตในหลายด้าน ส่งผลต่อปัจจัยสี่องค์ประกอบที่สำคัญในการดำเนินชีวิต อาหาร หนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญ สำหรับดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ ย่อมได้รับผลกระทบและเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตเช่นกัน อาหารสำเร็จรูปจึงเป็นตัวเด่นที่ก้าวเข้าสู่วิถีชีวัตที่เร่งรีบของคนในปัจจุบันอย่างไม่น่าแปลกใจ

อาหารสำเร็จรูปกับความนิยม
ด้วยความเร่งรีบและข้อจำกัดทางด้านเวลา อาหารสำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาอ้างถึง ความสะดวกสบายในการเลือกบริโภคอาหาร โดยมีผลสำรวจทางอินเตอร์เนตจากกลุ่มผู้บริโภคจากทวีปยุโรป เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ รวมถึงประเทศในแถบบอลติก ผู้บริโภคชาวไทยติดอันดับแรกในการบริโภอาหารสำเร็จรูป เหตุผลของผู้บริโภคกว่า 75% ให้เหตุผลว่าไม่มีเวลาในการประกอบอาหาร จึงเลือกอาหารสำเร็จรูปมารับประทานจะช่วยให้ประหยัดเวลา และสะดวกในการรับประทานอาหารมากขึ้น ส่วนที่เหลือมีความเห็นว่าการเลือกรับประทานอาหารสำเร็จรูปจะทำให้ราคาถูกกว่าปรุงเอง ซึ่งไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนส่งผลต่อการเลือกรับประทาน และแสดงออกถึงพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน You Are What You Eat
ด้วยความเร่งรีบและข้อจำกัดทางด้านเวลา อาหารสำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาอ้างถึง ความสะดวกสบายในการเลือกบริโภคอาหาร โดยมีผลสำรวจทางอินเตอร์เนตจากกลุ่มผู้บริโภคจากทวีปยุโรป เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ รวมถึงประเทศในแถบบอลติก ผู้บริโภคชาวไทยติดอันดับแรกในการบริโภอาหารสำเร็จรูป เหตุผลของผู้บริโภคกว่า 75% ให้เหตุผลว่าไม่มีเวลาในการประกอบอาหาร จึงเลือกอาหารสำเร็จรูปมารับประทานจะช่วยให้ประหยัดเวลา และสะดวกในการรับประทานอาหารมากขึ้น ส่วนที่เหลือมีความเห็นว่าการเลือกรับประทานอาหารสำเร็จรูปจะทำให้ราคาถูกกว่าปรุงเอง ซึ่งไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนส่งผลต่อการเลือกรับประทาน และแสดงออกถึงพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน You Are What You Eat
การบริโภคอาหารสำเร็จรูปมีคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่ ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร
อาหารสำเร็จรูป เป็นอาหารทุกชนิดที่ผู้ผลิตเตรียมขึ้นจำหน่ายแก่ผู้บริโภคเพื่อความสะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลา
สามารถรับประทานได้สะดวก ทันที หรือใช้เวลาในปรุงเครื่องเพิ่มเพียงเล็กน้อย แน่นอนว่าการเลือกรับประทานอาหารสำเร็จรูปมีความสะดวกสบายและประหยัดเวลา แต่ในทางตรงกันข้ามย่อมเกิดผลเสียต่อร่างกาย หากรับประทานบ่อยครั้ง เนื่องจากร่างกายจะขาดสารอาหารที่จะเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามิน ไธอามีน ไนอาซีน และสารไรโบเฟลวิน นอกจากนนั้นผลทางลบของอาหารสำเร็จรูปคือการปนเปื้อนของสารปรุงแต่งในอาหาร อาทิ สีผสมอาหาร หรือสีที่มีส่วนผสมของสารอื่น มักจะมีสารบอแรกซ์ สามารถส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้ในทางตรง โรคที่มาพร้อมกับการบริโภคอาหารเหล่านี้คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่าง ไข้รากสาด ไทฟอยด์ โรคคอตีบและวัณโรค ซึ่งสามารถติดต่อได้ หากใช้ของรับประทานอาหารร่วมกัน ข้อที่ต้องระวังอีกเรื่องหนึ่งคือ บรรจุภัณฑ์ของอาหารควรเลือกที่มีคุณภาพดี หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติกนอกจากช่วยลดโลกร้อน แล้วยังเซฟในเรื่องความสะอาดด้วยนะคะ ทางที่เหมาะสมควรควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุข สดใหม่ ควรเลือกวัตถุดิบ และกรรมวิธีในการปรุงอาหารเอง เพราะจะทำให้คุณรับประทานอาหารที่ไม่มีสารพิษ และได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง
อาหารสำเร็จรูป เป็นอาหารทุกชนิดที่ผู้ผลิตเตรียมขึ้นจำหน่ายแก่ผู้บริโภคเพื่อความสะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลา
สามารถรับประทานได้สะดวก ทันที หรือใช้เวลาในปรุงเครื่องเพิ่มเพียงเล็กน้อย แน่นอนว่าการเลือกรับประทานอาหารสำเร็จรูปมีความสะดวกสบายและประหยัดเวลา แต่ในทางตรงกันข้ามย่อมเกิดผลเสียต่อร่างกาย หากรับประทานบ่อยครั้ง เนื่องจากร่างกายจะขาดสารอาหารที่จะเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามิน ไธอามีน ไนอาซีน และสารไรโบเฟลวิน นอกจากนนั้นผลทางลบของอาหารสำเร็จรูปคือการปนเปื้อนของสารปรุงแต่งในอาหาร อาทิ สีผสมอาหาร หรือสีที่มีส่วนผสมของสารอื่น มักจะมีสารบอแรกซ์ สามารถส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้ในทางตรง โรคที่มาพร้อมกับการบริโภคอาหารเหล่านี้คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่าง ไข้รากสาด ไทฟอยด์ โรคคอตีบและวัณโรค ซึ่งสามารถติดต่อได้ หากใช้ของรับประทานอาหารร่วมกัน ข้อที่ต้องระวังอีกเรื่องหนึ่งคือ บรรจุภัณฑ์ของอาหารควรเลือกที่มีคุณภาพดี หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติกนอกจากช่วยลดโลกร้อน แล้วยังเซฟในเรื่องความสะอาดด้วยนะคะ ทางที่เหมาะสมควรควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุข สดใหม่ ควรเลือกวัตถุดิบ และกรรมวิธีในการปรุงอาหารเอง เพราะจะทำให้คุณรับประทานอาหารที่ไม่มีสารพิษ และได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง
อาหารสำหรับเด็กวัยรุ่น

วัยรุ่นเป็นวัยที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา โดยจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม มีความต้องการสารอาหารและพลังงานค่อนข้างสูง ควรมีการบริโภคอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม มิฉะนั้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสมรรถนะในด้านต่างๆ เช่น การเรียน การเล่นกีฬา การเจริญเติบโต ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บติดตามมา รวมทั้งโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ในวัยรุ่นยุคปัจจุบัน โรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้อายุเฉลี่ยของประชากรชาวโลกลดน้อยลง
ปัญหาหลักทางด้านโภชนาการในวัยรุ่นคือมีการขาดสารอาหารต่างๆ เช่น ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งจะทำให้เกิดฃอาการอ่อนเพลียจากโลหิตจาง ขาดธาตุไอโอดีน ขาดวิตามินเอ ขาดโปรตีนทำให้ได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้มีผลต่อการเจริญเติบโต ตัวเตี้ย ผอม ความฉลาดลดลง สำหรับรายที่รับประทานอาหารมากเกินไปจะเกิดโรคอ้วน ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมาเช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขข้อ เกาต์ มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกในผู้หญิง มะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชาย นิ่วในถุงน้ำดี อาการซึมเศร้า เป็นต้น
ดังนั้นอาหารสำหรับวัยรุ่นโดยทั่วๆ ไปก็คล้ายๆ กับสัดส่วนอาหาร ซึ่งทางเวชศาสตร์ต้านความชราแนะนำ คือ
ควรได้พลังงานจากโปรตีนร้อยละ 10-15 เทียบได้กับเนื้อสัตว์ 45-60 กรัมต่อวัน หรือ 2-3 ส่วนต่อวัน
คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 45-65 และควรเป็นรูปเชิงซ้อน เช่น กลุ่มแป้ง ข้าว ขนมปัง 8-12 ทัพพี ผัก 2-4 ส่วนต่อวัน (4-6 ทัพพี)
ผลไม้ เพื่อการได้มาซึ่งวิตามิน เกลือแร่และควรรับประทานของสด 3-5 ส่วนต่อวัน
ไขมันน้อยกว่าร้อยละ 30 และควรมีสัดส่วนไขมันอิ่มตัวต่อ
ไขมันไม่อิ่มตัวในสัดส่วน 1:1
น้ำตาล เกลือเล็กน้อย
แคลเซียม 1200-1500 มิลลิกรัมต่อวัน
ธาตุเหล็ก 12-15 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับธาตุเหล็กควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากการได้รับมากเกินไปโดยที่ร่างกายไม่ขาดอาจก่อให้เกิดการสร้างสารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดความเสื่อมชราเร็วขึ้นได้ ดังนั้นควรจะเสริมเมื่อขาดเท่านั้น

7 อาหารบำรุงสมอง
7 อาหารบำรุงสมอง
...

.....
ปลา เป็นอาหารบำรุงสมองยอดฮิต
ที่เรานึกถึงเป็นอันดับแรกๆเลยครับ
เพราะในปลาจะมีกรดไขมัน โอเมก้า 3
ช่วยสร้างและดูแลผนังเซลส์ประสาทในสมอง
ให้แข็งแรง ไม่เสื่อมตามวัยเร็วเกินไป นั่นเอง
(กรดไขมัน DHA ที่อยู่ในกรดไขมันโอเมก้า3
มีความสำคัญต่อการพัฒนาและบำรุงเซลส์สมองมาก
เพราะเป็นกรดไขมันโซ่ยาวแบบเดียวกัน
กับที่พบในเยื่อเซลส์สมองของเรา)
ปลากระพง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาทู
เป็นปลาที่มีโอเมก้า 3 ในปริมาณสูงครับ
.....

.....
สาหร่ายทะเล มีโอเมก้า 3 สูงเช่นกัน
จัดว่าเป็นอาหารบำรุงสมองอย่างหนึ่งที่สำคัญ
และยังช่วยให้เส้นผมดกดำได้อีกด้วยครับ
.....

.....
กระเทียม สุดยอดพืชมหัศจรรย์จริงๆครับ
กระเทียมจะช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเทโรนิน
มากขึ้น ช่วยทำให้เราอารมณ์ดี ลดความเครียด
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลส์ประสาท ช่วยให้ความจำดี
.....

....
ถั่วเหลือง เป็นอาหารบำรุงร่างกายที่ยอดเยี่ยม
มีคุณประโยชน์หลากหลายจริงๆครับ
สำหรับสมองนั้น ถั่วเหลืองมีสารไฟโตเอสโตรเจน
ที่ช่วยให้เซลส์ประสาทของเราแข็งแรง ช่วยเรื่องความจำ
.....

...
กล้วยหอม ถือเป็นผลไม้คลายความเครียดชั้นดีครับ
กล้วยหอมช่วยกระตุ้นสารเซโรโทนินให้กับสมอง
และยังช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มพลังให้กับร่างกายเราด้วย
....

.....
สตรอเบอรี่สีแดง มีสารแอนโทไซอะนิน
จัดเป็นแอนติออกซิเดนท์ที่ทรงพลัง ช่วยดูแลเซลส์สมอง
....

....
ผักปวยเล้ง มีกรดโฟลิกสสูงมาก ช่วยให้อารมณ์ดี หลับง่าย
ป้องกันโรคซึมเศร้า ประสาทหลอนและความจำเสื่อม
.....
เทคนิค! วิธีการกินอาหารลดความอ้วน
เทคนิค! วิธีการกินอาหารลดความอ้วน
เชื่อว่า คุณผู้หญิงหลายท่านกำลังมองหาวิธีการกินอาหารลดความอ้วนกันอยู่ใช่ไหมค่ะ และวันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ก็มี วิธีการกินอาหารลดความอ้วน มาฝากกันด้วยค่ะ อย่าลืมทำตาม วิธีการกินอาหารลดความอ้วน กันอย่างเคร่งครัดเชื่อได้เลยค่ะว่า หุ่นสวย หุ่นดี ไม่ไกลเกินเอื้อมจากความพยายามของคุณผู้หญิงกันอย่างแน่นอนค่ะ และเทคนิค วิธีการกินอาหารลดความอ้วน ที่เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) นำมาแนะนำกันในวันนี้ก็เป็น วิธีการกินอาหารลดความอ้วน ซึ่งก็ง่ายๆ เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านคงทำตามกันได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ นั้นเอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) พาคุณผู้หญิงมาพบกับ 35 วิธีการกินอาหารลดความอ้วน กันเลยดีกว่าไหมจ๊ะ20 วิธีการกินอาหารลดความอ้วน
1. รับประทานผัก ผลไม้มากๆ
อย่าละเลยการรับประทานผัก ผลไม้ เด็ดขาดค่ะ เพราะ ผัก ผลไม้ มีทั้งเส้นใยและสารอาหารต่างๆ ที่ดีกับคุณสาวๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอดๆ และติดมัน
อาหารทอดๆ มาพร้อมกับน้ำมันที่จะมาทำให้คุณอวบอั๋นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ค่ะ3. ทานดาร์กช็อกโกแลต
ใช่ค่ะคุณหูไม่ฝาดเรากำลังแนะนำให้คุณทานช็อกโกแลต แต่ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทั่วๆ ไปก็ทานได้หรอกนะค่ะ ต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นถึงจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาวๆ4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
แทบจะทุกบทความ ที่แนะนำให้คุณดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ำยังช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง "น้ำอัดลม" หรือ "น้ำผลไม้" เชียว ยกเว้น "น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง" ที่เราแนะนำให้คุณดื่มได้5. ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอน
จำและทำให้เป็นนิสัยเพราะการดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว ทันทีหลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอนจะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบาทำงานได้อย่างคล่องตัว6. ทานอาหารเช้า
จำได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาวๆ พลาดอาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น. ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะคุณอาจจะเผลอตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้งแล้วจะลดน้ำหนักได้อย่างไรล่ะจ๊ะ7. กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน
การไดเอทไม่ได้สำคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สำคัญที่ว่าทำไมคุณถึงทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้วหากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้นจงเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนค่ะ ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริงๆ8. ออกกำลังกายสำคัญสุดๆ
แน่นอนว่าหนึ่งในวิธีที่คนทั่วโลกแนะนำก็คือ การออกกำลังกายนี่แหละเพราะมันจะช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาวได้ แถมยังจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็นพลังงานได้คราวละมากด้วย หากคุณสาวๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอลองหาเวลาเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากคุณจะควบคุมน้ำหนักได้ดีแล้วยังจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วยล่ะ9. หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไดเอท
เขาว่า "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย" ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามาท้อแท้กับการไดเอทเพียงลำพังเลย ลองหาเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกันแล้วชวนมาลดความอ้วนด้วยกันดีกว่า เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกันจะทำให้คุณมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ10. อย่ากักตุนอาหารในตู้เย็น
สาวๆ มักจะชอบซื้ออะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น อ้างว่า เตรียมไว้รับรองแขกบ้าง ไว้เลี้ยงเพื่อนบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้เย็นจนคุณสาวๆ นั่นแหละต้องมาทานเอง เพราะฉะนั้นหากไม่อยากอ้วนกำจัดของกินในตู้เย็นโดยด่วน คุณจะได้ไม่เผลอหยิบติดมือมาทานได้ง่ายเกินไปนั่นเอง แต่ถ้าอยากจะมีอาหารติดในตู้เย็นแนะนำว่า ผักผลไม้และบรรดาอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหลายจะเวิร์กที่สุดค่ะ11. อย่ากินไป ดูทีวีไป
รู้หรอกน่า ว่าคุณสาวๆ ชอบกินนั่น กินนี่ กินจุบกินจิบทั้งวันไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเวลานั่งดูโทรทัศน์หรือนั่งอ่านหนังสือมักจะหาอะไรติดไม้ติดมือเข้าปากเป็นประจำแต่นั่นแหละค่ะการที่คุณสาวๆ หยิบคุ้กกี้บ้าง ขนมปังกรอบบ้าง มันฝรั่งทอดบ้าง เข้าปากแต่ละทีคุณจะเพลินจนลืมเรื่อง "อ้วน" ไปชั่วขณะเลยทีเดียว12. ใส่ใจ "ข้าวกล้อง" กันให้มากขึ้น
ปกติเรามักจะชินกับการรับประทาน "ข้าวขาว" ซึ่งจะได้เพียงแค่คาร์โบไฮเดรตเท่านั้น แต่หากคุณเปลี่ยนมาทาน "ข้าวกล้อง" แทน คุณจะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไป13. "น้ำตาล" และ "เกลือ" จอมวายร้าย
"น้ำตาล" เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเพราะฉะนั้นบรรดาของหวาน ลูกอม น้ำอัดลม เค้กต่างๆ จงงดเสีย!!! ให้ดื่มน้ำมะนาวแทนหรือทานน้ำตาลที่มาจากผลไม้จะดีกว่า เช่นเดียวกับ "เกลือ" ที่เราควรได้รับโซเดียมวันละไม่เกิน 1 ช้อนชาเท่านั้น แต่เกลือหรือโซเดียมที่ผสมอยู่ในขนมต่างๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดส์รวมทั้งซุปที่ทานเข้าไปในแต่ละวันล้วนเกินปริมาณที่กำหนด จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมายตามมาได้ เพราะฉะนั้น ลดซะ!!!14. ระวัง!!! สลัดน้ำข้น
คุณสาวๆ หลายคนอาจสงสัยทำไมทานสลัดอยู่ทุกวันๆ ยังอ้วนอีก เพราะลืมไปว่า ตัวเองทานผักสลัดกับสลัดน้ำข้นนั่นไงล่ะ รู้ไหมว่า สลัดน้ำข้นนั้นอุดมไปด้วยครีมนมและไขมันนม ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมากๆ แม้จะทานกับผักก็เถอะร้อยทั้งร้อย "อ้วน" อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ15. สรรหาจานสีเข้มๆ
มีผลการศึกษาระบุว่า การใช้จานอาหารสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากทานอาหารมากขึ้น กลับกันหากคุณใช้จานอาหารสีเข้มๆ โดยเฉพาะสีน้ำเงินจะทำให้คุณลดความอยากอาหารลงไปได้ และนี่เองจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้คุณทานมากจะได้ไม่ต้องลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตายภายหลังอย่างไรล่ะค่ะ16. ใช้ภาชนะให้เล็กลง
นอกจากใช้ภาชนะสีเข้มๆ แล้ว การเปลี่ยนจานให้เล็กลงก็เป็นวิธีทางจิตวิทยาที่ทำให้เรารู้สึกว่า อาหารมีปริมาณมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว ไม่อยากหาอะไรทานอีก17. ลด ชา , กาแฟ , ครีมเทียม
การรับประทานชา , กาแฟ มากกว่าสองแก้วต่อวันอาจทำให้คุณอ้วนได้ โดยเฉพาะหากใครชอบใส่ครีมเทียมในกาแฟจะทำให้คุณได้รับแคลอรี่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัวรวมทั้งกาแฟสดทั้งหลายด้วยล่ะ18. เคี้ยวช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
การเคี้ยวอาหารช้าๆ และเคี้ยวอย่างละเอียด ช่วยคุณสาวๆ ลดความอ้วนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจะทำให้สมองมีเวลาที่จะส่งสัญญาณไปบอกให้ท้องรู้สึกอิ่มได้แล้วกลับกันคนที่เคี้ยวเร็ว กินเร็ว จะไม่รู้สึกอิ่มแม้ทานอาหารหมดจานแล้ว และเมื่อท้องไม่อิ่มคุณสาวๆ ก็มักจะมองหาของหวานตบท้ายมื้ออาหารซึ่งจะนำความอ้วนมาสู่ร่างกายของคุณอย่างชัวร์ๆ19. หลีกเลี่ยงไข่แดง ให้ทานไข่ขาว
ไข่แดงอุดมไปด้วยคอเลสเตอรอลที่เป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจและโรคอ้วน แต่ไข่ขาวไม่มีคอเลสเตอรอล ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดงหรือทานในปริมาณน้อยและหันมาทานไข่ขาวแทน นอกจากนี้หากวันไหนทานไข่มากๆ ก็ควรงดการทานอาหารที่มีไขมันสูงในมื้ออื่นๆ ของวันเดียวกันด้วยเพื่อไม่ให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกายมากเกินไป20. อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหาร
สอบผ่าน! โปรเจกท์ผ่าน! พรีเซนต์งานผ่าน! ไปฉลองกันดีกว่า!!! หยุดความคิดนี้เลยค่ะ เพราะการที่คุณให้รางวัลกับความสำเร็จของตัวเองด้วยการไปรับประทานอาหารตามใจปากอาจทำให้คุณอ้วนได้เหมือนกัน ทางที่ดีให้รางวัลกับตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ยกเว้นเรื่องกิน!!! เช่น ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยวพักผ่อน นวดหน้า ทำผม ขัดผิว ฯลฯ จะดีที่สุดค่ะ10 อาหารอันตราย ที่ไม่คาดคิด
อันดับ 10 : "เห็ด"

อาจเป็น ที่น่ากังขาว่าเห็ดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จริงหรือไม่
อาจเป็นที่น่ากังขา ว่าเห็ดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จริงหรือไม่ นอกจากทำให้เกิดอาการทางประสาท หรือประสาทหลอน แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ "ใช่" เห็ดสามารถปลิดชีพได้ เช่นเห็ดระโงกหิน (Death Cap) และ เห็ดไข่เป็ด (Destroying Angel) ที่มีพิษร้ายแรง แม้จะมีข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า เสียชีวิตเพราะทานเห็ด แต่ทุกวันนี้ยังคงมีคนนิยมเก็บเห็ดตามป่ามาปรุงอาหาร โดยไม่ทราบว่า มีพิษหรือไม่ ดังนั้นการเลี่ยงรับประทานเห็ดที่หน้าตาไม่คุ้นชิน หรือไม่รู้จักจึงปลอดภัยที่สุด
อันดับ 9 : "กาแฟ"

ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาฟันเหลือง จากการดื่มกาแฟเป็นประจำสม่ำเสมอ
นอกเหนือจาก ความเป็นไปได้ของอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หรือใจสั่น ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาฟันเหลือง จากการดื่มกาแฟเป็นประจำสม่ำเสมอ กาแฟยังสร้างปัญหาต่อร่างกายได้ เมื่อความร้อนเกินมาตรฐาน โดยกาแฟสามารถกร่อนผิวหนังได้เป็นอย่างดี อาจดูเหมือนเรื่องตลก ตัวอย่างเกิดขึ้นเมื่อปี 1992 ที่ร้านฟาสฟู้ดชื่อดัง McDonald เมื่อคุณยายวัย 79 ปี ดื่มกาแฟความร้อนจัดราว 170 องศา ทำให้ทวารของคุณยายถูกทำลาย จึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นมูลค่า 2.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับแต่นั้นเป็นต้นมา McDonald จึงมีมาตรการจำกัดอุณหภูมิของกาแฟไม่ให้สูงเกินความเหมาะสม
อันดับ 8 : "มันสำปะหลัง"

พืชชนิดนี้จะส่งผลกระทบร้าย แรง หากมีวิธีและขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกต้อง
มันสำปะหลัง มักถูกนำมาผลิตในอาหารหลากหลายรูปแบบ แต่พืชชนิดนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรง หากมีวิธีและขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ในมันสำปะหลังยังมีสารไซยาไนด์แฝงอยู่ ซึ่งหากได้รับในปริมาณมากอาจส่งผลถึงชีวิตเช่นกัน อย่างไรก็ดี ขนมที่ทำจากมันสำปะหลัง และได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ พุดดิ้ง กระทั่งกลุ่มมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐฯ ออกโรงเตือนประชาชนที่อ่อนไหวง่ายต่อยางของพืช ให้เลี่ยงไปรับประทานของทานเล่นประเภทอื่นแทน
อันดับ 7 : "ทูน่า"

แทบไม่คาดคิดเมื่อปลาตัวเล็กตัวน้อยจำพวก ทูน่า จะถูกประกาศเป็นอาหารสุดยอดอันตราย
แทบไม่คาดคิดเมื่อปลาตัวเล็กตัวน้อยจำพวกทูน่า อาหารยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งในสังคมปัจจุบัน จะถูกประกาศเป็นอาหารสุดยอดอันตราย ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเตือนสตรีมีครรภ์ และเด็ก ให้หลีกเลี่ยง หรือรับประทานในปริมาณแต่น้อย เนื่องจากทูน่า คือปลาตัวเล็กหลากหลายสายพันธุ์ และมีปริมาณสารปรอทสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการคลอดบุตรสำหรับคุณแม่มีครรภ์ และอาจทำลายระบบประสาทสำหรับเด็กที่กำลังมีพัฒนาการ
อันดับ 6 : "รูบาร์บ"

รูบาร์ บช่วยต้านมะเร็งได้ แต่ใบขนาดใหญ่ของมันมีพิษถึงชีวิต
แม้จะมีงานวิจัยเผยว่า รูบาร์บช่วยต้านมะเร็งได้ แต่จากประวัติศาสตร์การแพทย์ระบุว่า ใบขนาดใหญ่ของรูบาร์บนั้นมีพิษถึงชีวิต แม้จะรับประทานแบบดิบหรือนำมาปรุงจนสุกก็ตาม แต่ทั้งนี้ส่วนที่สามารถนำมารับประทานได้นั้นคือบริเวณก้านของรูบาร์บ
อันดับ 5 : "ผักใบเขียว"

เป็นที่น่าตกใจ เมื่ออาหารจำพวกผักใบเขียว ตกอยู่ในแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกัน
เป็นที่น่าตกใจ เมื่ออาหารจำพวกผักใบเขียว ที่แลดูเป็นประโยชน์ต่อร่างกายจะตกอยู่ในแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อปี 2009 ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ระบุชื่อผักใบเขียวทั้งหลาย อาทิ ผักโขม ผักสลัด กะหล่ำปลี ผักชีฝรั่ง และผักคะน้า ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งเมื่อปีที่ผานมาในสหรัฐฯ มีผู้ป่วยจากผักดังกล่าว 240 กรณี ซึ่งส่วนใหญ่รับประทานอาหารตามร้าน หรือภัตตาคาร ส่วนการติดเชื้อ เชื่อว่าเกิดจากการละเลยความสะอาด ทั้งความสะอาดของมือผู้ปรุงอาหาร และความสะอาดของผักที่ล้าง โดยเชื้อโรคส่วนใหญ่ที่มากับผักชนิดดังกล่าว คือ ไวรัสไนโร ซึ่งติดมากับผักเมื่อได้รับการสัมผัสจากสัตว์ป่า หรือน้ำที่ไม่สะอาด
อันดับ 4 : "ถั่วลิสง"

มักมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานถั่วลิสง เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ถั่ว
สมาคมโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มักมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานถั่วลิสง เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ถั่ว ซึ่งปัจุจบันมีตัวเลขผู้มีอาการแพ้ถั่วเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่นับว่ายังไม่สูงมาก คิดเป็นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตามจำนวนเด็กเสียชีวิตด้วยโรคแพ้ถั่ว เพิ่มขึ้นระหว่าง ปี 1997 -2002 ราว 2 เท่า
อันดับ 3 : "ผลแอคกี"

ผลแอคกี หากไม่รู้วิธีรับประทานจะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียร และอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
ผลแอคกี (Ackee) แต่เดิมเป็นผลไม้พื้นเมืองบริเวณพื้นที่แถบแอฟริกาตะวันตก แต่กลายมาเป็นผลไม้ประจำชาติจาไมก้า ราวปี 1788 สำหรับผู้ไม่รู้วิธีรับประทานผลแอคกีที่ถูกต้อง อาจเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียร และอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้ผลแอคกีดิบมีสารพิษที่ชื่อว่า Hypoglycin แฝงอยู่ ดังนั้นหากจะนำมารับประทานต้องรอให้ผลสุกจนกลายเป็นสีแดง และผลิออกจนเห็นเม็ดในสีดำเองตามธรรมชาติเสียก่อน สำหรับการรับประทานนั้น ชาวจาไมก้ามักทานเคียงกับปลาคอต
อันดับ 2 : "ปลาปักเป้า"

นับเป็นอาหารจานหรู แต่มีพิษร้ายแรง ที่ชื่อว่า สารเตโตรโดทอกซิน คร่าชีวิตนักชิมมามาก
เสิร์ฟโดยการแร่เป็นชิ้นบาง ๆ โดยเชฟมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญ ปลาปักเป้านับเป็นอาหารจานหรู แต่มีพิษร้ายแรง ที่ชื่อว่า สารเตโตรโดทอกซิน (Tetrodotoxin) คร่าชีวิตนักชิมมากกว่าสารไซยาไนด์ หรือสารหนู (Cyanide)ในปลาปักเป้า 1 ตัวจะมีต่อมพิษอยู่ 1 ต่อม มีขนาดเล็กกว่าหัวเข็ม ผู้ที่สามารถเสิร์ฟอาหารจานนี้ได้ ต้องฝึกฝนและเรียนรู้นานกว่า 3 ปี เพราะพิษในปลาเพียง 1 ตัว สามารถปลิดชีพมนุษย์ได้มากถึง 30 คน ด้วยความประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนจึงทำให้ปลาปักเป้ามีมูลค่าแพงราว 200 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 บาท) ต่อจาน แต่อย่างไรก็ตามนักกินในประเทศญี่ปุ่นยังคงนิยมสั่งปลาปักเป้ามารับประทาน มากกว่า 10,000 ตันต่อปี และมีมากกว่า 40 สายพันธุ์ให้เลือกลิ้มรส
อันดับ 1 : "ฮอทดอก"

อาหารชนิดนี้ส่งผลอันตรายทั้ง ต่อเด็กและ ผู้ใหญ่ เพราะเนื้อที่นำมาผลิตมักมีคุณภาพต่ำ
สถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ระบุว่า อาหารชนิดนี้ส่งผลอันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ เพราะ เนื้อที่นำมาผลิตมักมีคุณภาพต่ำ หรือเป็นการนำเศษเนื้อที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์มาบดและทำเป็นไส้กรอก จากรายงานบอกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี มักเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเมื่อบริโภคอาหารประเภทดังกล่าว สำหรับสาเหตุที่อยู่ในรายการอาหารที่อันตรายที่สุดเป็นเพราะ ฮอทดอกเป็นอาหารที่นิยมรับประทานในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยปราศจากการหลีกเลี่ยง หรือคำนึงถึงอันตรายที่แฝงอยู่.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)